การกำจัดสารพิษโลหะหนัก

About This Service

---

การกำจัดสารพิษโลหะหนัก (Heavy Metal Chelation)

        ตั้งแต่เกิดจนโตมนุษย์สามารถรับสารพิษต่างๆได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน มลพิษทางอากาศ PM2.5ที่มักมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก บุหรี่ สารเคมีที่สำผัสทางผิวหนัง(เช่น สี ยาย้อมผม เครื่องสำอาง) ซึ่งโลหะหนักเหล่านี้ มักส่งผลเสียต่อร่างกายในหลายๆระบบ เช่น ระบบประสาทและสมอง ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบฮอร์โมนและต่อมไร้ท่อ ผิวหนังและเยื่อบุ ระบบสืบพันธ์ุ เป็นต้น

        เราสามารถกำจัดพิษโลหะหนักได้โดยการทำ คีเลชั่น(Chelation) ด้วยสารอินทรีย์ที่ชื่อว่า EDTA นั่นเอง

 

ทำไมจึงต้องกำจัดพิษโลหะหนัก(คีเลชั่น)

        เพราะพิษโลหะหนักที่ร่างกายได้รับเข้าไปนั้น ร่างกายสามารถขับทิ้งได้เองบางส่วน เช่นทางปัสสาวะ หรืออุจจาระ แต่ส่วนที่เหลือจะมีการตกค้างตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น ตับ ไต เซลล์ไขมัน ระบบสืบพันธุ์ ไขกระดูก ระบบประสาทและสมอง ที่มักเกิดการสะสมโลหะหนักเหล่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดผลเสียเรื้อรังต่อระบบต่างๆของร่างกาย

        ตั้งแต่เด็กจนโต เรารับสารพิษต่างๆ โดยเฉพาะสารพิษโลหะหนักเข้ามาสะสมในร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าในเซลล์หรืออวัยวะต่างๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเหตุผลที่เราควรกำจัดสารพิษโลหะหนัก ก่อนที่จะมีอาการหรือโรคภัยต่างๆตามมา

 

ผลเสียของโลหะหนักต่อเซลล์

ทำให้เซลล์แก่ หรือตาย

เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง และการทำงานของเซลล์

เป็นตัวการทำให้เกิดมะเร็ง

ทำให้เกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม

สร้างความเสียหายต่อโครโมโซม

        

โลหะหนักที่พบได้บ่อย และเป็นอันตรายต่อมนุษย์ อาทิเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู แคดเมียม อลูมิเนียม

ตะกั่ว พบใน สีทาบ้าน แบตเตอรี่ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ กระสุนปืน ยาสมุนไพร หมึกพิมพ์ แป้งทาตัว

ปรอท พบใน เครื่องสำอาง เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ แบตเตอรี่ ยากำจัดวัชพืช อาหารทะเลที่ปนเปื้อนโดยเฉพาะปลาตัวใหญ่ โรงงานกระดาษ,พลาสติก โรงงานไฟฟ้าถ่านหิน

สารหนู พบใน ผักผลไม้ น้ำดื่ม อาหารทะเล เครื่องสำอาง ยากำจัดศัตรูพืช อุตสาหกรรมฟอกหนัง โรงงานถลุงเหล็ก

แคดเมียม พบใน บุหรี่ สีต่างๆเช่น สีทา สีพ่น หมึก ยาง เสื้อผ้า สารเคลือบผิวที่ทำให้เงางาม แบตเตอรี่ขนาดเล็ก 

อลูมิเนียม พบใน อาหารที่ปรุงด้วยภาชนะอะลูมิเนียม เช่น หม้อก๋วยเตี๋ยว ยาธาตุน้ำขาว ส่วนประกอบของวัคซีนบางชนิด สารระงับกลิ่นกาย

 

อาการของผู้ที่มีพิษโลหะหนักสูง

ภาวะโลหิตจาง ซีด

ความดันโลหิตสูง

โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจขาดเลือด

ยูริกในเลือดสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีสารตะกั่วสูง

ปวดศีรษะ หงุดหงิดง่าย

ความจำถดถอย ไม่มีสมาธิ อัลไซเมอร์

ชาตามปลายมือ ปลายเท้า

ปวดเมื่อตามตัว ตามข้อ

ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน

ท้องผูก หรือท้องเสีย

ไตเสื่อม

มีบุตรยาก

หอบหืด

ผื่นแพ้ ผิวหนังเป็นตุ่มแข็ง โดยเฉพาะสารหนู

มะเร็งบางชนิด

กระดูกบาง กระดูกพรุน โดยเฉพาะอลูมิเนียม

 

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับคีเลชั่น

บุคคลทั่วไป ที่ต้องการดูแลสุขภาพ

บุคคลที่มีความเสี่ยงได้รับโลหะหนักเป็นประจำ

บุคคลที่ตรวจพบพิษโลหะหนักปริมาณสูงในร่างกาย

บุคคลที่มีอาการต่างๆของการได้รับพิษโลหะหนัก เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ ร่วมกับตรวจพบพิษโลหะหนักปริมาณสูงในร่างกาย

ผู้ที่สูบบุหรี่

ผู้ที่ต้องการมีบุตร

 

การตรวจพิษโลหะหนักทำอย่างไร

        ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองสารพิษโลหะหนักหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น 

การเจาะเลือดปลายนิ้ว 1 หยด เพื่อนำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์(Live Blood Analysis) 

การตรวจผ่านฝ่ามือผู้เข้ารับการรักษา โดยเครื่อง OligoScan

การเจาะเลือด เพื่อตรวจปริมาณโลหะหนักในเลือด

การตรวจโลหะหนักที่ถูกขับออกมาในปัสสาวะ หลังได้รับการขจัดพิษโลหะหนัก 1 ครั้ง

 

        ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวิธีใด หมอแนะในให้ตรวจคัดกรองก่อนนะครับ เพื่อผลการรักษาที่มีประสิธิภาพ และปลอดภัย

 

ควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนทำคีเลชั่น

        เข้ารับการซักประวัติ และตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หลังจากนั้นจะทำการตรวจพิษโลหะหนัก และค่าไต เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับบริการทุกท่าน

        ไม่แนะนำให้งดน้ำงดอาหารก่อนเข้ารับการกำจัดพิษโลหะหนัก เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำชั่วคราวได้

 

ขั้นตอนง่ายๆในการทำคีเลชั่น

        แพทย์จะให้สารน้ำที่ประกอบไปด้วย สารอินทรีย์ที่มีฤทธ์จับกับโลหะหนักได้ ที่เรียกว่า EDTA ร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เข้าทางหลอดเลือดดำ เหมือนกับการให้น้ำเกลือ เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง ขณะรับบริการ ผู้เข้ารับบริการสามารถผ่อนคลาย โดยการฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมเบาๆได้

        สาร EDTA จะเข้าไปจับกับโลหะหนักที่อยู่ในเซลล์ หรืออวัยวะต่างๆ เข้ามาในกระแสเลือด หลังจากนั้นจะขับโลหะหนักเหล่านี้ออกทางไต และปัสสาวะ ด้วยเหตุนี้การทำคีเลชั่นจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่มีค่าไตสูงมากๆ

 

ผลข้างเคียงในการทำคีเลชั่น

        ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรก อาจเกิดอาการอ่อนเพลียได้บ้าง จากการขาดแร่ธาตุบางชนิด เช่น แคลเซียมหรือ แมกนีเซียม แนะนำให้รับประทานแร่ธาตุจำเป็นเสริม ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบถ้วน ดื่มน้ำแร่ งดการออกกำลังกายหนัก

 

ใครที่ห้ามทำคีเลชั่น

ผู้ป่วยไตวาย

หญิงตั้งครรภ์

ผู้ที่แพ้สาร EDTA

ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติ

ผู้ที่สมองมีความผิดปกจากพิษตะกั่วเฉียบพลัน

 

ข้อควรระวังในการทำคีเลชั่น

ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด

ผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว

ผู้ที่มีภาวะไตบกพร่อง

ผู้ที่มีโรคตับ

ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่สามารถควบคุมได้

ผู้ที่มีภาวะขาดเอ็นไซม์ G6PD

 

ควรทำคีเลชั่นบ่อยแค่ไหน

        ควรทำอย่างน้อย ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ติดต่อกัน 10-20 ครั้ง แล้วตรวจสารพิษโลหะหนักซ้ำอีกครั้ง เพื่อติดตามผลการรักษา

 

ทำไมต้องเลือกคีเลชั่นที่ SELF Anti-Aging Clinic

ได้รับการปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเวชศาสตร์ชะลอวัยทุกครั้ง เพื่อคำนวณขนาดของ EDTA ให้เหมาะสม เพื่อประสิทธิผลการรักษาที่ดี มีความปลอดภัย

มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการล่วงหน้า เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและปลอดภัย

ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัย

มีความสะอาด ปลอดเชื้อและสิ่งแปลกปลอม การเตรียมผลิตภัณฑ์ทำโดยพยาบาลวิชาชีพโดยตรง

มีการตรวจวัดสัญญาณชีพ และเฝ้าระวังโดยแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ