เรื่องสิวเป็นอะไรที่เรื้อรังสุด ๆ กว่าจะรักษาสิวให้หายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทั้งสิวอักเสบ สิวอุดตัน ยังต้องมาดูแลรักษารอยสิวต่ออีก ซึ่งใครเป็นสิวอยู่บ่อย ๆ จะรู้ดีว่าสิวที่ว่ารักษายากแล้ว รอยสิวก็รักษายากไม่แพ้กัน ยิ่งอายุมากขึ้นรอยสิวที่เกิดขึ้นมาก็ดูเหมือนจะจางลงยากขึ้นไปด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์รอยสิวที่ช่วยรักษาสิวได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ หน้าเนียนใสเหมือนผิวเด็ก จะมีเลเซอร์รอยสิวตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง ตามไปดูกันเลยยย
Pico Laser
Picosecond Laser คือเทคโนโลยีเลเซอร์ใหม่ล่าสุด ในการกำจัดเม็ดสี โดยเครื่องจะปล่อยแสงเลเซอร์ออกมาในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ซึ่งจะสามารถทำให้เม็ดสีหรือหมึกรอยสักที่มีอนุภาคใหญ่ แตกตัวได้มาก จนกลายเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็ก ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายของเราสามารถกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ได้ ซึ่ง Pico Laser มีความโดดเด่นจากเลเซอร์รอยสิวตัวอื่น ๆ คือเลเซอร์สามารถส่งพลังงานได้สูง ทำให้เซลล์เม็ดสีแตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ได้ดีกว่า Pico Laser มีหลายชนิด เช่น PicoSure PICO Discovery PicoWay Enlighten PicoPlus เป็นต้น แต่ละเครื่องก็มีความสามารถแตกต่างกันไป
อ่านรีวิว Pico Laser ได้ที่นี่เลย
- ยิง PicoSure ถ้าให้ชัวร์ต้องที่ The Signature Clinic
- ลาก่อนหลุมสิว รีวิว L.A.B. X Clinic Pico Discovery คุ้มมากบอกเลย
- PicoSure laser รีวิวทำครั้งที่ 2 ที่ PICO by The Signature ผลลัพธ์จึ้งมาก
Pico Laser เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบไหน?
✅รอยดำ
✅รอยแดง
✅รอยหลุมสิว
Pico Laser สำหรับรอยสิวต้องทำกี่ครั้ง
กรณีเลเซอร์รอยแดง-รอยดำ โดยปกติแล้วถ้าหากเป็นการทำ Pico laser เพื่อให้หน้าใส มักจะทำทั้งหมด 3-5 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 3-4 สัปดาห์ ผลลัพธ์อยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวหน้าหลังทำเลเซอร์
กรณีเลเซอร์รอยหลุมสิว สำหรับการทำ Pico laser เพื่อลดรอยหลุมสิวจำนวนครั้งที่ทำจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของเราเป็นหลัง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วควรทำประมาณ 4-5 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 1 เดือน
Dual Yellow Laser
Dual Yellow Laser คือ เทคโนโลยีเลเซอร์เพื่อตอบรับทุกปัญหาของผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้าหมองคล้ำไม่กระจ่างใส มีรอยแดง รอยดำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวไม่สม่ำเสมอกัน Dual Yellow Laser มีการผลิตแสงเลเซอร์ออกมาจากแหล่งกำเนิดพลังงานเลเซอร์ ซึ่งก็คือ Copper และ Bromide โดยแสงจะออกมา 2 ชนิด ซึ่งก็คือ
1. แสงสีเหลือง ที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตรเหมาะสำหรับการรักษาปัญหาผิวหน้าหรือโรคต่าง ๆ ที่มีสีแดง มีผลต่อเส้นเลือดฝอย ได้แก่ เส้นเลือดผิดปกติ ปานแดง รอยแผลเป็นสีแดง โดยไม่ทำให้ผิวเสียหาย ไม่จ้ำเลือด
2. แสงสีเขียว มีความยาวคลื่นที่ 511 นาโนเมตร เหมาะกับการรักษาปัญหาที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของเม็ดสี ช่วยเรื่องการปรับสมดุลผิว ปรับเม็ดสีที่ผิวหนัง ช่วยลดปัญหาฝ้า กระ ทำให้ผิวขาวใส รอยแดง เส้นเลือดฝอยจางลง
ซึ่งเทคโนโลยีของ Dual Yellow Laser สามารถปล่อยแสงเลเซอร์ทั้ง 2 ชนิดพร้อมกัน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากขึ้น เป็นเลเซอร์รอยสิวอีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจและได้รับความนิยมมาก ๆ
Dual Yellow Laser เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบไหน?
✅รอยดำ
✅รอยแดง
Dual Yellow Laser สำหรับรอยสิวต้องทำกี่ครั้ง
ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคน แต่หากเพื่อน ๆ คาดหวังความขาวใสจากการรักษาด้วย Dual Yellow Laser จะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังจากรักษา แต่การรักษาโดยทั่วไปแล้วจะสามารถเห็นผลชัดเจนได้หลังจาก 6-10 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อครั้ง
Q-switch Nd: YAG
Q-switch เพื่อรักษาฝ้า กระ รอยดำ และรอยแผลเป็น โดยหลักการทำงาน Q-switch เป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความหนาแน่นและความเข้มข้นสูง เพื่อทำให้เม็ดสีที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวหนังกระจายตัวออกเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ซึ่งเม็ดเลือดขาวจะสามารถเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดสีโมเลกุลขนาดเล็ก ๆ นี้ได้ และขับออกจากร่างกาย การทำ Q-switch จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำ IPL เพราะมีคลื่นแสงมากกว่าถึง 8 เท่า
อ่านรีวิว Q-switch
สวย ครบ จบ ยกกระชับด้วย UltraformerIII, Q-switch ที่ Meko BFill ทองหล่อ
Q-switched Nd: YAG เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบไหน?
✅รอยดำ
✅รอยแดง
Q-switched Nd: YAG สำหรับรอยสิวต้องทำกี่ครั้ง
โดยปกติแล้วการรักษาผิวหน้าด้วย Q-switch ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุดควรรักษาต่อเนื่อง 3-6 ครั้ง และเข้ารับการรักษาทุก ๆ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ก็คืออยู่กับสภาพผิวของผู้ที่รับการรักษาด้วย เนื่องจากบริเวณผิวที่มีปัญหามีความแตกต่างกัน จะมีความตื้นลึกของเซลล์เม็ดสีไม่เท่ากัน
SYLFIRM X
เทคโนโลยี Fractional Microneedle RF (คลื่นวิทยุ) ที่มี 2 โหมดในเครื่องเดียว คือ Continuous Wave Mode และ Pulsed Wave Mode เพื่อการรักษารูขุมขน หลุมสิว รอยแดง รอยดำ สิวอักเสบป้องกันการเกิดสิวใหม่ หลุมสิวดีขึ้นเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก 30% จุดเด่นของ SYLFIRM X คือ มีระบบ AI ประเมินสภาพผิว ทำให้ปล่อยพลังงานความร้อนที่เหมาะสม เจ็บผิวน้อยกว่าเครื่องชนิดอื่น ๆ ไม่มีผิวไหม้ ไม่เป็นแผล ไม่เลือดออกช้ำ ลดโอกาสที่จะเกิดรอยแผล หรือรอยดำหลังทำ
SYLFIRM X เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบไหน?
✅รอยดำ
✅รอยแดง
✅รอยหลุมสิว
SYLFIRM X สำหรับรอยสิวต้องทำกี่ครั้ง
สำหรับ SYLFIRM X หลังจากทำครั้งแรกจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่อย่างไรก็ตามควรทำอย่างต่อเนื่อง 3-12 ครั้ง หรือตามการประเมินของคุณหมอ เพราะปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปค่ะ
Fractional CO2 Laser
Fractional CO2 Laser เป็นนวัตกรรมด้านเลเซอร์ใหม่ล่าสุด ที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่เนียนเรียบ เหมาะกับใช้รักษารอยแผลเป็นจากสิว ผิวขรุขระ รูขุมขนกว้าง เพื่อผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างหน้าใส การทำงานของ Fractional Laser เป็นการนำหลักการ Fractional Photothemmolysis (FP) มาใช้โดยการปล่อยลำเเสงจุดเล็ก ๆ ลงไปใต้ผิวหนังในระดับลึกพอดีกับตำเเหน่งที่ต้องการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จะทำให้เกิดการถลอกของผิวเป็นจุดเล็ก ๆ ตื้น ๆ ประมาณ 10-20% ของพื้นที่ผิว แล้วผิวปกติบริเวณที่เหลือที่ไม่ถูกเลเซอร์ ก็จะทำหน้าที่ช่วยซ่อมและสร้างผิวขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวใหม่เรียบเนียนขึ้น
Fractional CO2 Laser เหมาะกับการรักษารอยสิวแบบไหน?
✅รอยหลุมสิว
Fractional CO2 Laser สำหรับรอยหลุมสิวต้องทำกี่ครั้ง
สำหรับเลเซอร์ Fractional CO2 เป็นเลเซอร์ที่เน้นไปในการรักษารอยหลุมสิว ซึ่งควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้ง หรือตามที่คุณหมอแนะนำ โดยแต่ละครั้งห่างกันประมาณ 1 เดือน จึงจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้
จะเห็นได้ว่าเลเซอร์รอยสิวที่ GoWabi แนะนำให้ฟัง แต่ละตัวก็มีความสามารถและความโดดเด่นในการจัดการปัญหาที่ไม่เหมือนกันเลยใช่ไหมคะ ในการเลือกว่าเครื่องไหนเหมาะกับเราให้ดูจากปัญหาของเราเป็นหลักค่ะ เพราะแต่ละเลเซอร์รอยสิว ราคามีความแตกต่างกันพอสมควร หลังจากเลือกเครื่องได้แล้วสิ่งต่อไปที่ควรทำก็คือเข้าไปปรึกษาคุณหมอค่ะ เพราะคุณหมอจะสามารถให้คำแนะนำกับเราได้ดีที่สุด
อ้างอิง
BANGKOK HOSPITAL, คลื่นวิทยุขนาดเล็กลงลึกถึงต้นเหตุ ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ, https://www.bangkokhospital.com/content/sylfirm-reduce-blemishes-freckles-dark-spots