Max Wellness Clinic - แมกซ์ เวลเนส คลินิก : คลินิกฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาน้องชายอย่างถูกวิธีและปลอดภัย แบบครบวงจร ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ด้านสุขภาพทางเพศและแพทย์เฉพาะทาง Preventive Medicine ที่มากประสบการณ์ "มาตรฐานโรงพยาบาล ในราคาคลินิก"

ที่ Max Wellness Clinic เราใช้ เครื่อง Storz Duo Shockwave ซึ่งมีหัวยิงช็อกเวฟทั้งแบบ Focused และ Radial เสมือนได้ยิง shockwave 2 เครื่องภายในครั้งเดียว

"รักษาโดยทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทาง"

• แตกต่างจากเครื่องทั่วไปที่มีเพียงหัวยิงแบบใดแบบหนึ่ง ผสา่น 2 ประสิทธิภาพไว้ในหนึ่งเดียว เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและเห็นผลไวขึ้น
• ได้ shot ยิงสูงกว่าที่อื่น 6,000-8,000 ช็อตต่อครั้ง
• เครื่องมือมาตรฐานสูง: ได้รับการรับรองจาก USFDA และผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
• แมกซ์ เวลเนส คลินิก (Max Wellness Clinic) ใช้ทีมแพทย์ผู้ชำนาญและนักกายภาพที่มีใบประกอบวิชาชีพทำการรักษาเท่านั้น

* ESWT (Extracorporeal shockwave therapy) เป็นนวัตกรรมที่ช่วยสร้างเส้นเลือดใหม่และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย โดยใช้กลไกการรักษาแบบ micro-injury ทำให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและส่งผลให้การแข็งตัวดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น

ครอบคลุมการตรวจตรวจฮอร์โมนขั้นพื้นฐานสำหรับคุณผู้ชาย

1. CBC ความสมบูรณ์เม็ดเลือด

2. PSA คัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเบื้องต้น

3. Testosterone ฮอร์โมนเพศชาย

สเต็มเซลล์ (Stem Cell) ทางเลือกใหม่ในการรักษาภาวะนกเขาไม่ขันและอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ใช้หลักการ "เซลล์ซ่อมเซลล์" ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อและหลอดเลือดในอวัยวะเพศ ส่งผลให้การแข็งตัวดีขึ้นและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

"Max Wellness Clinic ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทาง"

ปรเด็นสำคัญ

- เหมาะสำหรับผู้ที่เคยลองรักษาด้วยวิธีการปกติหรือวิธีอื่น ๆ (Shockwave, P.RP, ยา) แล้วไม่ได้ผล

- การรักษาหนึ่งครั้งมีผลประมาณ 12 เดือน หรือนานกว่า ขึ้นอยู่กับสุขภาพและโรคประจำตัว

- ใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในองคชาตหลังจากใช้ยาชาแบบครีมหรือแบบฉีดบล็อกเส้นประสาทเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ

- ปริมาณที่แนะนำ: 5-10 ล้านเซลล์ (ฉีดเข้าภายในองคชาต)

**การรักษาร่วมกับการบำบัดด้วยเทคโนโลยีคลื่นช็อกเวฟ (Storz Duo Shockwave) จะยิ่งทำให้ผลการรักษาดีขึ้น

***สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะวัยทองในเพศชายหรือปัญหาฮอร์โมนอื่น ๆ อาจจำเป็นต้องใช้การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนร่วมด้วย

สเต็มเซลล์คืออะไร?

สเต็มเซลล์ (stem cell) คือเซลล์ต้นกำเนิดที่ยังไม่มีหน้าที่จำเพาะใด ๆ เมื่อร่างกายได้รับสเต็มเซลล์เข้าไปแล้ว สเต็มเซลล์จะไปกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมทั่วร่างกาย และยังสามารถใช้ฉีดเฉพาะที่เพื่อเน้นการซ่อมแซมของอวัยวะเฉพาะบริเวณที่ฉีด นอกจากนี้สเต็มเซลล์ยังช่วยลดการอักเสบของร่างกาย โดยการหลั่งสารต่าง ๆ ทำให้โรคที่เกิดจากการอักเสบทุเลาลง

การรักษาด้วยสเต็มเซลล์

การรักษาด้วยสเต็มเซลล์เป็นรูปแบบหนึ่งของเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่ออกแบบมาเพื่อซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายภายในร่างกายโดยการลดการอักเสบและปรับระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การรักษาด้วยสเต็มเซลล์เป็นทางเลือกในการรักษาสำหรับสภาวะทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง การอักเสบ อาการทางระบบประสาท กระดูกและข้อ และการบาดเจ็บอื่นๆ

วิธีการใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

สเต็มเซลล์สามารถใช้ได้หลายวิธี เช่น การฉีดทางหลอดเลือดดำ การฉีดเข้าช่องไขสันหลัง การฉีดในบริเวณที่มีปัญหา แต่สำหรับการใช้รักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศจะใช้วิธีฉีดเข้าเนื้อเยื่อชั้นลึกขององคชาต (Intracarvenous injection) ซึ่งต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญและมีกรรมวิธีเฉพาะ  แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กเพื่อฉีดสเต็มเซลล์เข้าไปในองคชาตหลังจากใช้ยาชาแบบครีมหรือแบบฉีดบล็อกเส้นประสาทเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บ ซึ่งปริมาณที่แนะนำคือ 5-10 ล้านเซลล์ (ฉีดเข้าภายในองคชาต) การรักษาหนึ่งครั้งมีผลประมาณ 12 เดือน หรือนานกว่าขึ้นอยู่กับสุขภาพและโรคประจำตัว และเป็นวิธีที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เคยลองรักษาด้วยวิธีการปกติหรือวิธีอื่น ๆ (Shockwave, P.RP, ยา) แล้วไม่ได้ผล

**การรักษาร่วมกับการบำบัดด้วยเทคโนโลยีคลื่นช็อกเวฟ (Storz Duo Shockwave) จะยิ่งทำให้ผลการรักษาดีขึ้น

***สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะวัยทองในเพศชายหรือปัญหาฮอร์โมนอื่น ๆ อาจจำเป็นต้องใช้การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนร่วมด้วย

P-Shot หรือการฉีด P.RP เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ

มีกลไกการทำงาน คือ กระตุ้นการซ่อมแซมและสร้างหลอดเลือดขึ้นใหม่ จึงช่วยเพิ่มปริมาณการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศชาย ซึ่งช่วยในด้านการแข็งตัวของอวัยวะเพศให้ดีขึ้น รูปแบบการรักษาจะใช้การฉีดเกล็ดเลือดที่ดึงมาจากเลือดของตัวเอง มักจะได้ผลดีในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น โรคเบาหวาน โรคเมตาบอลิซึม โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

P.RP คืออะไรและการรักษาด้วย P.RP ช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศได้อย่างไร?

P.RP หรือ P.latelet Rich P.lasma ประกอบด้วยสารหลายชนิด ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ และโกรธโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ต่างๆ มากมาย เช่น PDGF, VEGF, และ IGF เป็นต้น

การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น (P.RP) สามารถเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย และเพิ่มการเกิดใหม่ของเส้นประสาทและหลอดเลือดโดยการปล่อยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต เช่น ตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของอินซูลิน (IGF) และตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของหลอดเลือดบุผนังหลอดเลือด (VEGF) เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้การแข็งตัวดีขึ้นได้

วิธีการเตรียมตัวและการรักษา 

การรักษาทำได้รวดเร็วและไม่เจ็บปวด ขั้นตอนการรักษาด้วย P.RP นั้นเริ่มด้วยการนำเลือดของคนไข้ออกมาสกัดแยกเฉพาะส่วนที่มีเกล็ดเลือด ด้วยกรรมวิธีเและเทคนิคเฉพาะของ แมกซ์ เวลเนส คลินิก (Max Wellness Clinic) และทำการฉีดกลับเข้าไปบริเวณที่ต้องการรักษา โดยจะมีการใช้ยาชาแบบทาหรือแบบฉีดทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ

"ทุกเคสดูแลโดยแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์"

การฉีด P.RP สามารถทำได้ภายในเวลาไม่เกิน 30-60 นาที ไม่จำเป็นต้องหยุดงานและไม่ต้องพักฟื้น

**การรักษาร่วมกับการบำบัดด้วยเทคโนโลยีคลื่นช็อกเวฟ (Storz Duo Shockwave) จะยิ่งทำให้ผลการรักษาดีขึ้น

***สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะวัยทองในเพศชายหรือปัญหาฮอร์โมนอื่น ๆ อาจจำเป็นต้องใช้การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนร่วมด้วย

ครอบคลุมการตรวฮอร์โมนขั้นสูงสำหรับสุขภาพทางเพศของคุณผู้ชาย

1. CBC ความสมบูรณ์เม็ดเลือด

2. PSA คัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเบื้องต้น

3. DHEA-S ฮอร์โมนต่อมหมวกไต

4. Estradiol ฮอร์โมนเพศหญิง

5. Testosterone ฮอร์โมนเพศชาย

  สารสกัดจากพลาเซนต้า (รก) เต็มไปด้วยฮอร์โมนและ Growth Factor ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนเพศ กระตุ้นการทำงานของร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม

เหมาะสำหรับ

- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างและปรับสมดุลย์ฮอร์โมนเพศ แต่ไม่ต้องการฉีดฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน

- ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศ และความแข็งแรงของร่างกายโดยรวมให้ดีขึ้น

* ปริมาณที่แนะนำ: 5-10 ครั้ง ห่างกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

  สารสกัดจากพลาเซนต้า (รก) เต็มไปด้วยฮอร์โมนและ Growth Factor ช่วยปรับสมดุลย์ฮอร์โมนเพศ กระตุ้นการทำงานของร่างกาย ฟื้นฟูสุขภาพโดยรวม

เหมาะสำหรับ

- ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างและปรับสมดุลย์ฮอร์โมนเพศ แต่ไม่ต้องการฉีดฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน

- ช่วยเรื่องสมรรถภาพทางเพศ และความแข็งแรงของร่างกายโดยรวมให้ดีขึ้น

* ปริมาณที่แนะนำ: 5-10 ครั้ง ห่างกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

ตรวจสุขภาพประจำปี วัดค่าความเสี่ยงหลอดเลือด และครอบคลุมการตรวจฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับสุขภาพทางเพศทั้งหมดของผู้ชาย

1. CBC ความสมบูรณ์เม็ดเลือด

2. BUN การทำงานของไต

3. Cr การทำงานของไต

4. LFT ตับ

5. HbA1C น้ำตาลสะสม

6. Lipid Profile ไขมัน

7. Uric acid กรดยูริก

8. hs-CRP วัดความเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดจากการอักเสบ

9. PSA คัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเบื้องต้น

10. TSH คัดกรองความผิดปกติของฮอร์โมนไทรอยด์

11. LH ฮอร์โมนต่อมใต้สมอง (ควบคุมการสร้าง Testosteroneที่อัณฑะ)

12. DHEA-S ฮอร์โมนต่อมหมวกไต

13. Estradiol ฮอร์โมนเพศหญิง

14. Testosterone ฮอร์โมนเพศชาย

15. UA ตรวจปัสสาวะ

การล้างสารพิษในตับจะช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้าง โดยเปลี่ยนสารที่ละลายในไขมันให้เป็นสารที่ละลายในน้ำซึ่งจะถูกขับออกทางปัสสาวะ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับและเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระภายในเซลล์ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหา เช่น ไขมันพอกตับ และผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

ประโยชน์ของการดริปวิตามินล้างสารพิษในตับ

- ล้างสารพิษออกจากร่างกาย

- ขับถ่ายสารพิษ

- ลดการอักเสบของตับ

- ปรับความดันโลหิต

- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

เพิ่มสารอาหารและวิตามินที่จำเป็น เพิ่มพลังงาน ลดอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง เพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการแพ้

ประโยชน์ของการดริปวิตามิน Energizer

- ลดอาการเหนื่อยล้า

- บรรเทาอาการไมเกรน

- บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ (Fibromyalgia)

- บรรเทาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน

- บรรเทาไซนัสอักเสบเรื้อรัง

- บรรเทาอาการแพ้ จาม

Max Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเพศครบวงจร ดูแลโดยทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน

"มาตรฐานโรงพยาบาล ในราคาคลินิก"

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections) คือโรคที่มีการแพร่กระจายติดต่อกันระหว่างบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันเป็นหลัก (Unprotected sexual contact) หรืออาจติดต่อผ่านทางช่องทางอื่น ๆ เช่นการสัมผัสสารคัดหลั่ง และการติดต่อทางเลือด เป็นต้น

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคหากตรวจพบช้า หรือปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสุขภาพของระบบประสาท, ระบบหลอดเลือดหัวใจ, ความสามารถในการมีบุตร (Infertility), เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ, นกเขาไม่ขัน หรือแม้กระทั่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้

คนที่ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ไม่มีอาการและมักไม่รู้ตัว หากมีอาการ อาการที่พบบ่อยคือ การมีของเหลวหรือหนอง (Discharge) ไหลออกมาจากช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ และปวดบริเวณท้องน้อย (Lower Abdomen) เป็นต้น

การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีกี่วิธี แบบไหนมีประสิทธิภาพดีที่สุด

• การตรวจเลือด: สามารถใช้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซี, และซิฟิลิสได้
• การป้ายสิ่งส่งตรวจ (Swab): เหมาะสำหรับกรณีมีรอยโรค เช่นมีรอยแผล มีหนองหรือสารคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศหรือทวารหนัก จึงใช้ตรวจหาหนองในแท้หรือหนองในเทียมได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีรอยโรคหรือไม่มีอาการ ก็จะมีข้อจำกัดในการตรวจ
• การเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจ PCR: วิธีนี้มีความไวและมีความสามารถในการตรวจพบเชื้อได้รวดเร็ว แม้ในขณะยังไม่แสดงอาการ ทำให้ทลายข้อจำกัดในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs screening) เดิมๆ ลง วิธีดังกล่าวเรียกว่า PCR ย่อมาจาก Polymerase chain reaction ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายๆ “การถ่ายเอกสารของสารพันธุกรรม” PCR จะทำการเพิ่มขนาดสารพันธุกรรมที่เราต้องการตรวจหาจากสิ่งส่งตรวจที่มีปริมาณน้อยๆ ให้มากขึ้นจนตรวจพบได้ และยังตรวจพบได้ไวตั้งแต่ระยะที่ยังไม่มีอาการ หรืออาการไม่ชัดเจนอีกด้วย

โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 19 รายการ (ด้วยการเจาะเลือด และตรวจปัสสาวะ ด้วยวิธี PCR) 

ประกอบด้วย

1. เอชไอวี (HIV)
2. ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
3. ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C)
4.  ซิฟิลิส (Syphilis) 
5. หนองใน (Neisseria gonorrhoeae)
6. แผลริมอ่อน (Haemophilus ducreyi)
7. หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)
8. หนองในเทียม (Mycoplasma genitalium)
9. หนองในเทียม (Mycoplasma hominis)
10. หนองในเทียม (Ureaplasma parvum)
11. หนองในเทียม (Ureaplasma urealyticum)
12. เชื้อรา Candida albicans
13. เชื้อรา Candida glabrata
14. เริม Herpes simplex virus 1
15. เริม Herpes simplex virus 2
16. เชื้อแบคทีเรีย Gardnerella vaginalis
17. เชื้อแบคทีเรีย Group B Streptococcus
18. พยาธิ Trichomonas vaginalis

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการเจาะเลือดและวิธีการเก็บปัสสาวะเพื่อส่ง PCR

• ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร สามารถทานอาหารได้ตามปกติ
• งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้ารับการตรวจ 48 ชั่วโมง

ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง

• งดเว้นการทำความสะอาดล้างหรือสวนล้างช่องคลอดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนมาตรวจ
• ไม่เข้ารับการการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน ให้เข้ารับการตรวจหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
• ไม่ใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด ครีมหรือยา ที่ใช้ทางช่องคลอดอื่น ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
• ไม่ตรวจภายในในช่วง 24 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการตรวจ

Max Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเพศครบวงจร ดูแลโดยทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน
"มาตรฐานโรงพยาบาล ในราคาคลินิก"

โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 4 รายการ (ด้วยการเจาะเลือด)
ประกอบด้วย

1. เอชไอวี (HIV)
2. ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)
3. ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C)
4. ซิฟิลิส (Syphilis) 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections) คือโรคที่มีการแพร่กระจายติดต่อกันระหว่างบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันเป็นหลัก (Unprotected sexual contact) หรืออาจติดต่อผ่านทางช่องทางอื่น ๆ เช่นการสัมผัสสารคัดหลั่ง และการติดต่อทางเลือด เป็นต้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคหากตรวจพบช้า หรือปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสุขภาพของระบบประสาท, ระบบหลอดเลือดหัวใจ, ความสามารถในการมีบุตร (Infertility), เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ, นกเขาไม่ขัน หรือแม้กระทั่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้
คนที่ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ไม่มีอาการและมักไม่รู้ตัว หากมีอาการ อาการที่พบบ่อยคือ การมีของเหลวหรือหนอง (Discharge) ไหลออกมาจากช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ และปวดบริเวณท้องน้อย (Lower Abdomen) เป็นต้น

การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีกี่วิธี แบบไหนมีประสิทธิภาพดีที่สุด
- การตรวจเลือด: สามารถใช้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซี, และซิฟิลิสได้
- การป้ายสิ่งส่งตรวจ (Swab): เหมาะสำหรับกรณีมีรอยโรค เช่นมีรอยแผล มีหนองหรือสารคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศหรือทวารหนัก จึงใช้ตรวจหาหนองในแท้หรือหนองในเทียมได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีรอยโรคหรือไม่มีอาการ ก็จะมีข้อจำกัดในการตรวจ
- การเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจ PCR: วิธีนี้มีความไวและมีความสามารถในการตรวจพบเชื้อได้รวดเร็ว แม้ในขณะยังไม่แสดงอาการ ทำให้ทลายข้อจำกัดในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs screening) เดิมๆ ลง วิธีดังกล่าวเรียกว่า PCR ย่อมาจาก Polymerase chain reaction ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายๆ “การถ่ายเอกสารของสารพันธุกรรม” PCR จะทำการเพิ่มขนาดสารพันธุกรรมที่เราต้องการตรวจหาจากสิ่งส่งตรวจที่มีปริมาณน้อยๆ ให้มากขึ้นจนตรวจพบได้ และยังตรวจพบได้ไวตั้งแต่ระยะที่ยังไม่มีอาการ หรืออาการไม่ชัดเจนอีกด้วย

Max Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเพศครบวงจร ดูแลโดยทีมแพทย์ด้านสุขภาพเพศและแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ป้องกัน
"มาตรฐานโรงพยาบาล ในราคาคลินิก"

โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 15 รายการ รายการ (ตรวจปัสสาวะ ด้วยวิธี PCR)
1. ซิฟิลิส (Treponema pallidum)
2. หนองใน (Neisseria gonorrhoeae)
3. แผลริมอ่อน (Haemophilus ducreyi)
4. หนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)
5. หนองในเทียม (Mycoplasma genitalium)
6. หนองในเทียม (Mycoplasma hominis)
7. หนองในเทียม (Ureaplasma parvum)
8 หนองในเทียม (Ureaplasma urealyticum)
9. เชื้อรา Candida albicans
10. เชื้อรา Candida glabrata
11. เริม Herpes simplex virus 1
12. เริม Herpes simplex virus 2
13. เชื้อแบคทีเรีย Gardnerella vaginalis
14. เชื้อแบคทีเรีย Group B Streptococcus
15. พยาธิ Trichomonas vaginalis

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections) คือโรคที่มีการแพร่กระจายติดต่อกันระหว่างบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันเป็นหลัก (Unprotected sexual contact) หรืออาจติดต่อผ่านทางช่องทางอื่น ๆ เช่นการสัมผัสสารคัดหลั่ง และการติดต่อทางเลือด เป็นต้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคหากตรวจพบช้า หรือปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อสุขภาพของระบบประสาท, ระบบหลอดเลือดหัวใจ, ความสามารถในการมีบุตร (Infertility), เกิดภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ, นกเขาไม่ขัน หรือแม้กระทั่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้
คนที่ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่ไม่มีอาการและมักไม่รู้ตัว หากมีอาการ อาการที่พบบ่อยคือ การมีของเหลวหรือหนอง (Discharge) ไหลออกมาจากช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ และปวดบริเวณท้องน้อย (Lower Abdomen) เป็นต้น

การตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีกี่วิธี แบบไหนมีประสิทธิภาพดีที่สุด
- การตรวจเลือด: สามารถใช้ตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบซี, และซิฟิลิสได้
- การป้ายสิ่งส่งตรวจ (Swab): เหมาะสำหรับกรณีมีรอยโรค เช่นมีรอยแผล มีหนองหรือสารคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศหรือทวารหนัก จึงใช้ตรวจหาหนองในแท้หรือหนองในเทียมได้ แต่ในกรณีที่ไม่มีรอยโรคหรือไม่มีอาการ ก็จะมีข้อจำกัดในการตรวจ
- การเก็บปัสสาวะเพื่อส่งตรวจ PCR: วิธีนี้มีความไวและมีความสามารถในการตรวจพบเชื้อได้รวดเร็ว แม้ในขณะยังไม่แสดงอาการ ทำให้ทลายข้อจำกัดในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STIs screening) เดิมๆ ลง วิธีดังกล่าวเรียกว่า PCR ย่อมาจาก Polymerase chain reaction ซึ่งมีหลักการทำงานคล้ายๆ “การถ่ายเอกสารของสารพันธุกรรม” PCR จะทำการเพิ่มขนาดสารพันธุกรรมที่เราต้องการตรวจหาจากสิ่งส่งตรวจที่มีปริมาณน้อยๆ ให้มากขึ้นจนตรวจพบได้ และยังตรวจพบได้ไวตั้งแต่ระยะที่ยังไม่มีอาการ หรืออาการไม่ชัดเจนอีกด้วย

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยการเจาะเลือดและวิธีการเก็บปัสสาวะเพื่อส่ง PCR
- ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหาร สามารถทานอาหารได้ตามปกติ
- งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเข้ารับการตรวจ 48 ชั่วโมง

ข้อปฏิบัติเพิ่มเติมสำหรับเพศหญิง
- งดเว้นการทำความสะอาดล้างหรือสวนล้างช่องคลอดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนมาตรวจ
- ไม่เข้ารับการการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน ให้เข้ารับการตรวจหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
- ไม่ใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด ครีมหรือยา ที่ใช้ทางช่องคลอดอื่น ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- ไม่ตรวจภายในในช่วง 24 ชั่วโมง ก่อนเข้ารับการตรวจ