อยู่ ๆ ก็มีอาการมือชาขึ้นมา ไม่ว่าจะมือชาข้างเดียวหรือมือชาทั้งสองข้าง อาจทำให้เราตกใจไม่น้อยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเรา อาการมือชาเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่เกิดจากความเจ็บป่วยอย่างฉับพลัน การขาดวิตามินบางชนิด การใช้ยาบางชนิด หรือเส้นประสาทมีปัญหา มือชาเกิดจากอะไรกันแน่ สาเหตุที่เป็นไปได้มีมากมาย ตามมาดูกันเลยค่ะ
มือชาเกิดจากอะไร?
1.โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
จริง ๆ แล้วอาการมือชามักจะไม่ใช่สัญญาณของภาวะฉุกเฉิน แต่ไม่ใช่ในกรณีนี้ อาการมือชาที่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลงทำให้สมองได้รับความเสียหาย
อาการมือชาอาจเป็นเพียงสัญญาณเดียวของโรคหลอดเลือดสมอง หรืออาจเป็นเพียงหนึ่งในสัญญาณอันตรายก็ได้ โดยอาการอื่น ๆ ที่มักจะเกิดร่วมกับอาการมือชาเมื่อมีปัญหาของโรคหลอดเลือดสมองคือ มีปัญหาในการพูดหรือการเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ สับสนมึนงง มีปัญหาการมองเห็นอย่างฉับพลัน เวียนหัวทรงตัวไม่อยู่ ปวดหัวมาก มีอาการมือชาเพียงข้างเดียว
โรคหลอดเลือดสมองต้องได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุด โทร 1669 ทันทีหากพบว่าคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้
2.พังผืดข้อมือกดทับเส้นประสาท (Carpal tunnel syndrome)
ที่ข้อมือมีโพรงซึ่งเป็นที่ลอดผ่านของเส้นประสาทที่มาเลี้ยงฝ่ามือและนิ้วมือ เมื่อข้อมือเกิดพังผืดกดทับเส้นประสาท (เส้นประสาทมีเดียน – median nerve) บริเวณโพรงนี้ ส่งผลให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง
ทำความรู้จักโรคพังผืดกดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ อ่านบทความนี้เลย โรคยอดฮิตของวัยทำงาน พังผืดที่มือคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร
งานหรือกิจกรรมที่ต้องใช้มือทำอะไรในท่าเดิมซ้ำไปซ้ำมา เช่น ผู้ที่อยู่ในไลน์การผลิตของโรงงาน การทำเช่นนี้บ่อย ๆ ส่งผลให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ เส้นประสาทเกิดการบวมจนไปกดทับเส้นประสาททำให้เกิดอาการเจ็บ เหน็บชา และอ่อนแรง นานวันเข้าหากไม่ได้รับการรักษาก็จะทำให้เส้นประสาทเสียหายอย่างถาวร
3.ขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด
วิตามินบี 12 มีความสำคัญในการช่วยทำให้เส้นประสาทมีการทำงานที่มีประสิทธิภาพดีอยู่เสมอ การขาดวิตามินบี 12 อาจส่งผลให้เกิดอาการมือชาหรือเท้าชาทั้ง 2 ข้าง
อาการอื่น ๆ ที่มักจะเกิดร่วมกันหากมีอาการขาดวิตามินบี 12 ก็คือ มีอาการอ่อนแรง มีปัญหาเรื่องการทรงตัวทำให้เดินลำบาก คิดอะไรไม่ค่อยออก เห็นภาพหลอน
4.การใช้ยาบางชนิด
ผลข้างเคียงของยาหลาย ๆ ชนิดอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เส้นประสาทได้ โดยเฉพาะผู้ที่ทำการรักษามะเร็ง อาการชาที่เกิดขึ้นสามารถพบได้ทั้งที่มือและเท้า นอกจากนั้นอาจพบอาการอื่น ๆ ได้อีก เช่น ประสาทการรับสัมผัสไม่ดี เจ็บคล้ายมีหนามแทง อ่อนแรง ยาที่ส่งผลต่ออาการมือชา ได้แก่
- ยาฆ่าเชื้อ เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ยาฆ่าเชื้อในกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (Fluoroquinolones)
- ยารักษามะเร็ง เช่น วินคริสทีน (vincristine) และซิสปาทิน (Cisplatin)
- ยากันชัก
- ยาโรคหัวใจและยาลดความดัน ไฮดราลาซีน (Hydralazine) อะมิโอดาโรน (Amiodarone)
5.หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
หมอนรองกระดูกวางตัวอยู่ระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละข้อเพื่อรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับบริเวณกระดูกสันหลัง ท่าทางการนั่งที่ผิดปกติหรือการบาดเจ็บต่าง ๆ สามารถทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนออกจากตำแหน่งปกติและไปกดทับเส้นประสาทที่ออกจากกระดูกสันหลังส่งผลให้เกิดอาการชาที่มือหรือขาได้
อย่าวางใจ!! อาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นยังไง อ่านได้ที่นี่เลย ปวดแบบนี้ไม่ธรรมดา หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการเป็นอย่างไร
6.เส้นประสาทอัลน่าบริเวณข้อศอกถูกกดทับ (Cubital Tunnel Syndrome)
เส้นประสาทอัลน่าวางตัวยาวมาตั้งแต่บริเวณคอ ข้อศอก ฝ่ามือ ไปจนถึงบริเวณนิ้วก้อย เมื่อเส้นประสาทอัลน่าถูกกดทับบริเวณข้อศอกจากการทำกิจวัตรเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมา ก็จะส่งผลทำให้มือมีอาการชาเกิดขึ้น บางครั้งก็จะมีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนหนามแทงที่มือโดยเฉพาะที่นิ้วก้อยและนิ้วนาง ร่วมกับการมีอาการอ่อนแรงเมื่องอแขน
มือชาไม่หายต้องนี่เลย ต้องลอง! 5 ท่าบริหารแก้อาการนิ้วชาไม่หาย
7.โรคกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม (Cervical spondylosis)
กระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อมจะส่งผลเช่นเดียวกันกับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้มีการกดทับของเส้นประสาทที่อยู่รอบ ๆ กระดูกสันหลัง จึงเกิดอาการชาที่มือ นิ้ว หรือแขน หากปล่อยทิ้งเอาไว้นาน ๆ จะทำให้มีอาการลุกลามดังนี้
- ปวดหัว
- แขนหรือขาอ่อนแรง
- ได้ยินเสียง “ป๊อป” เวลาขยับคอ
- เสียสมดุลในการทรงตัว
- กล้ามเนื้อกระตุกบริเวณคอ บ่า ไหล่
- สูญเสียการควบคุมการขับถ่าย
8.โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจะมีปัญหาในการนำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดเข้าไปใช้งานในเซลล์ การมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเป็นระยะเวลานานทำให้เกิดความเสียหายที่เส้นประสาทส่วนปลาย ส่งผลทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการชาตามแขน มือ ขา และเท้า อาการอื่น ๆ ที่พบร่วมด้วย ได้แก่ อ่อนแรง เจ็บปวด เสียการทรงตัว รู้สึกไม่สบายตัวเหมือนเข็มแทง
9.การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
การดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทำให้เกิดความเสียหายต่อตับแล้ว ยังทำให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทอีกด้วย การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากโดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาโรคตับหรือโรคไต สามารถทำให้เกิดอาการชาบริเวณมือและเท้าได้ อาการอื่น ๆ ที่สามารถสังเกตเห็นได้คือ
- เจ็บคล้ายกับมีคนเอาเข็มมาทิ่ม
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- กล้ามเนื้อสั่นกระตุก
- มีปัญหาในการควบคุมการปัสสาวะ
- อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว
9 สาเหตุมือชาเกิดจากอะไร เป็นเพียงสาเหตุเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีสาเหตุอีกมากมายที่สามารถทำให้มือชาได้ ไม่ใช่เฉพาะการบาดเจ็บจากการใช้งานมือมากเกินไปเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อมีอาการมือชาเกิดขึ้น สิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกเลยก็คือ การไปหาหมอที่โรงพยาบาลก่อน ให้คุณหมอวินิจฉัยถึงความเป็นไปได้ของโรคที่เราเป็น หากพบแล้วว่าสาเหตุมาจากการใช้งานร่างกายแบบผิด ๆ จึงค่อยไปหานักกายภาพบำบัดค่ะ นี่เลย GoWabi ขอชี้เป้าคลินิกกายภาพบำบัดชื่อดัง ตามมาเลย
อ้างอิง