การรักษาโดยการใช้พลังงานแสงไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่มีมานานมาก ๆ แล้ว พลังงานแสงบำบัดถูกนำไปใช้ในหลากหลายวงการ และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบัน LED Light Therapy ได้รับความนิยมอย่างมากในการนำมาดูแลผิวพรรณ โดยเขาขึ้นชื่อในเรื่องของการรักษาสิว ดูแลริ้วรอย GoWabi ชวนสาว ๆ มาทำความรู้จักกับ LED Light Therapy คืออะไร แสงแต่ละสีทำงานอย่างไรช่วยเรื่องอะไรบ้าง คุ้มค่าไหมกับ LED Light Therapy
LED Light Therapy คืออะไร?
LED หรือ light emitting diode Therapy คือการบำบัดผิวด้วยการฉายแสงที่มีคลื่นความยาวอยู่ในช่วง 400 นาโนเมตรถึง 700 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงคลื่นแสงที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว LED Light Therapy นิยมนำมาใช้ในการรักษาสิวและลดเลือนริ้วรอยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
หากเพื่อน ๆ เคยไปทำหน้า รับบริการรักษาสิวที่คลินิกต่าง ๆ เพื่อน ๆ น่าจะคุ้นเคยกับ LED Light Therapy ดีค่ะ การฉายแสงบำบัดมักจะทำหลังจากทำทรีทเม้นต์ต่าง ๆ เสร็จ เพื่อน ๆ จะถูกปิดตา และพนักงานก็จะนำเจ้าเครื่องนี้มาครอบที่หน้าเราและฉายแสงบำบัดเป็นระยะเวลา 15 ถึง 20 นาที ในปัจจุบัน LED Light Therapy มีรูปแบบที่เป็นหน้ากาก ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถหาซื้อและนำไปใช้ส่วนตัวที่บ้านได้ตามต้องการเลยค่ะ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สะดวกสบายมาก ๆ เลย
LED Light Therapy ทำงานอย่างไร?
ก่อนที่เราจะสามารถเข้าใจได้ว่า LED Light Therapy ทำงานอย่างไรนั้นจะชวนเพื่อน ๆ ให้มารู้จักกับ ”แสง” กันก่อนค่ะ
แสงในธรรมชาติถูกแบ่งออกเป็น แสงที่สามารถมองเห็นได้ และแสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้
แสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เช่น UVB มีความยาวคลื่นแสงอยู่ระหว่าง 290 นาโนเมตร ถึง 320 นาโนเมตร ซึ่งเมื่อเราได้รับแสงชนิดนี้เข้าไปจะสามารถทำลายเซลล์ถึงระดับ DNA ของเราได้เลย ร้ายแรงที่สุดก็คือทำให้เกิดมะเร็ง ส่วน UVA มีความยาวคลื่นอยู่ที่ 320 nm จนถึง 400 nm สามารถทำลายผิวที่อยู่ชั้นลึกลงไปทำให้เกิดริ้วรอย ลดการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง
แสงที่สามารถมองเห็นได้ คือแสงที่มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 400 นาโนเมตรถึง 700 นาโนเมตร ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว แสงที่ผลิตได้จาก LED Light Therapy มีสีน้ำเงิน เขียว เหลือง และแดง โดยแสงที่มีการนำมาใช้อยู่บ่อย ๆ คือ แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดง ซึ่งแสงแต่ละสีมีความสามารถในการทะลุทะลวงเข้าไปในชั้นผิวหนังได้แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแสงแต่ละสีจึงมีคุณสมบัติในการดูแลผิวที่แตกต่างกันไปด้วย มาดูกันค่ะว่าแสงสีแดงและสีน้ำเงินจะช่วยผิวหน้าของเราในเรื่องอะไรบ้าง
ความสามารถของแสงจาก LED Light Therapy
แสงสีน้ำเงิน
แสงสีน้ำเงินมีความสามารถทะลุทะลวงเข้าไปจนถึงชั้นหนังแท้ (dermis) และเซลล์เป้าหมายของแสงสีน้ำเงินก็คือต่อมไขมัน (sebaceous gland) ต่อมไขมันมีความสำคัญต่อผิวของเรามาก ๆ ต่อมไขมันจะช่วยหล่อลื่นผิวทำให้ผิวดูสุขภาพดีไม่แห้งเหี่ยว แต่หากต่อมไขมันทำงานมากเกินไปก็จะทำให้หน้ามันและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้
นอกจากนั้นแสงสีน้ำเงินยังสามารถช่วยฆ่าแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้ ช่วยลดอาการอักเสบของสิวในรายที่เป็นสิวอักเสบ และสิวหัวช้าง
แสงสีแดง
แสงสีแดงมีความสามารถทะลุทะลวงเข้าไปถึงแค่ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) เมื่อเราใช้ LED Light Therapy ด้วยแสงสีแดง ชั้นหนังกำพร้าจะดูดซับแสงสีแดงนั้นเอาไว้ แสงสีแดงมีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ในทางทฤษฎีแล้วการมีคอลลาเจนอยู่ในผิวอย่างเพียงพอจะทำให้ผิวดูเรียบเนียน ดูเต่งตึง ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูจางลง นอกจากนั้นแสงสีแดงยังช่วยลดการอักเสบและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดซึ่งจะทำให้ผิวหน้าดูโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ขั้นตอนการทำ LED Light Therapy
การรับบริการ LED Light Therapy จะใช้เวลาในการทำทรีทเม้นต์ประมาณครั้งละ 20 นาที เพื่อน ๆ อาจจะต้องทำทรีทเมนต์นี้ประมาณ 10 ครั้งจึงจะเริ่มเห็นผล
วิธีที่สะดวกมากกว่านั้นก็คือการทำ LED Light Therapy ที่บ้านโดยเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานจากโรงงานที่น่าเชื่อถือ LED Light Therapy สามารถหาซื้อได้ไม่ยากมีทั้งรูปแบบที่เป็น Mask ครอบหน้า หรือ รูปแบบคล้ายไม้คฑาที่รักษาเฉพาะจุด วิธีการใช้งานให้เน้นตามคู่มือจากโรงงานเป็นหลัก แต่โดยทั่วไปแล้วก่อนใช้งานต้องทำความสะอาดหน้าให้เรียบร้อย เช็ดเมคอัพออกให้หมดจด
ทริคน่ารู้ ใช้ LED Light บนใบหน้าที่สะอาดเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เพื่อน ๆสามารถขัดผิว (exfoliate) ก่อนทำการฉายแสงบำบัดได้อีกด้วย
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ LED Light Therapy
จากที่ได้กล่าวไปในเรื่องชนิดของแสง LED Light Therapy จะผลิตแต่แสงในช่วงคลื่นที่สามารถมองเห็นได้ ไม่ผลิตแสงอัลตราไวโอเลต การใช้ LED Light Therapy จึงมีความปลอดภัย และสามารถใช้ระยะยาวได้
แต่อย่างไรก็ตามหากเพื่อน ๆ กำลังรักษาสิวโดยการทานยาที่มีส่วนผสมของ ไอโซเทรติโนอิน (Isotretinoin) หรือมีชื่อการค้าว่า แอคโนติน (Acnotin), แอคคูเทน (Accutane) ควรหลีกเลี่ยงการฉายแสงบำบัดเพราะเนื่องจากยาชนิดนี้จะทำให้ผิวมีความไวต่อแสงมากขึ้น ส่งผลให้อาจเกิดรอยแผลเป็นตามมาได้
สำหรับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางรายหลังจากการรักษาด้วย LED Light Therapy มีดังนี้
- พบอาการอักเสบรุนแรงขึ้น
- ผิวหนังแดงมากขึ้น
- มีผื่นขึ้น
- เจ็บปวดในบริเวณที่ได้รับการรักษา
LED Light Therapy ราคาเท่าไหร่
หากเพื่อน ๆ ต้องการใช้บริการ LED Light Therapy จากร้านที่ได้มาตรฐาน ซึ่งราคาไม่แพงเลยค่ะ ส่วนใหญ่แล้วการให้บริการต่อครั้งราคาจะเริ่มต้นที่ 150 บาท จนถึง 1,200 บาท เรียกได้ว่ามีระดับราคาที่ค่อนข้างหลากหลายให้เพื่อน ๆ ได้เลือกตามสะดวกเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาดีลเด็ด ๆ มามุงทางนี้เลยค่ะ 👉🏻 >>ดีล LED Light Therapy จาก GoWabi<<
ควรคาดหวังอะไรจากทำ LED Light Therapy
การรักษาด้วย LED Light Therapy เป็นการรักษาที่ค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว เพื่อน ๆ สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ทันทีหลังจากการรักษาเสร็จสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมหรือการแต่งหน้า
การรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อน ๆ จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น (รักษาอย่างน้อย 10 ครั้งห่างกันครั้งละ 1 สัปดาห์) เพื่อน ๆ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
ส่วนการทำ LED Light Therapy ด้วยตนเองโดยที่บ้านโดยใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรจะคาดหวังการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะคลื่นความถี่ของแสงที่ใช้ได้ในอุปกรณ์ จะไม่มีกำลังสูงมากนัก จึงไม่ควรหวังผลที่มากเกินไป
LED Light Therapy เป็นการรักษาหนึ่งที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง และเป็นที่นิยมใช้ร่วมกับการรักษาแบบอื่น ๆ การฉายแสงบำบัดสีที่มีการใช้งานมากที่สุดก็คือสีน้ำเงินและสีแดง ซึ่งทั้ง 2 สีนี้เลือกใช้ร่วมกันจะสามารถลดการเกิดสิว กำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ ลดอาการอักเสบของสิวได้เป็นอย่างดี และลดขนาดของต่อมไขมันได้อีกด้วย เรียกได้ว่าช่วยรักษาที่ปลายเหตุและช่วยจัดการที่สาเหตุ ใครเคยใช้ LED Light Therapy แล้วติดใจ มาบอกต่อความสวยให้สาวก GoWabi ฟังในกล่อง comment ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
หากสาวๆสนใจบริการจาก คลินิกเสริมความงาม ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น บริการ ฉีดวิตามินผิว ฉีดโบท็อก ฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์หลุมสิว ไฮฟู่ รักษาสิว ฉีดเมโส เลเซอร์กำจัดขน เลือกดูโปรโมชั่นที่ GoWabi ได้เลยค่า!
อ้างอิง
https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/led-light-therapy