บทความนี้มีหัวข้ออะไรบ้าง

06/02/2023

IPL , Q-Switch , Diode เลือก เลเซอร์แบบไหน ดีกว่ากัน!?

แชร์บทความนี้

สวัสดีค่ะสาวๆ เวลาที่ขนยาวออกมากวนใจสาวๆ มีวิธีจัดการกับมันอย่างไรกันบ้าง!? ทางที่ดี ได้ผลที่สุดก็คงจะเป็นการเลเซอร์ เพราะเดี๋ยวนี้เค้าหาทำได้ง่ายแถมไม่เจ็บเหมือนการแว็กซ์ด้วยนะ เคยคิดกันมั้ยว่าจะทำ เลเซอร์ขนแบบไหน ถ้าสาวๆ ยังไม่รู้หรือยังตัดสินใจไม่ได้ วันนี้ GoWabi มีข้อมูลดีๆ มาฝากสาวๆ ช่วยให้สาวๆ ตัดสินใจเลือกทำเลเซอร์ได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าการทำ IPL , Q-Switch , Diode Laser เลือกทำเลเซอร์แบบไหนดี !?

IPL , Q-Switch , Diode เลือก เลเซอร์แบบไหน ดีกว่ากัน!?

IPL


การทำ IPL (Intensive Pulse Light) เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาผิวและการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมมากๆ ในหมู่สาวๆ การรักษาของ IPL จะใช้คลื่นแสงคลื่นแสงหลากหลายความถี่ มีประโยชน์ทั้งในด้านการลบริ้วรอย จุดด่างดำ และการกำจัดขน โดยวิธีการรักษาของ IPL จะคล้ายกับการทำเลเซอร์ โดยจะใช้แสงที่มีความถี่คลื่นหลากหลายช่วงคลื่นเหมือนลักษณะของแฟลชถ่ายรูป ยิงไปที่บริเวณผิวหนังที่ต้องการหรือผิวหนังที่มีปัญหา สาวๆ รู้มั้ยว่า IPL สามารถกระจายตัวได้มากกว่าแสงเลเซอร์ และซึมเข้าไปยังชั้นผิวหนังได้ดี

IPL Step 

  1. ขั้นแรก ก่อนการทำเลเซอร์ คุณหมอจะเช็ดทำความสะอาดผิดหนังโดยใช้เจลเย็นหรือยาชาชนิดทาตามบริเวณที่จะทำการเลเซอร์ก่อนการทำเลเซอร์ประมาณ ครึ่งชัวโมง หรือ หรือหนึ่งชั่วโมง พร้อมทั้งให้สาวๆได้สวมแว่นตาสำหรับป้องกันแสง IPL
  2. ขั้นต่อมา การทำเลเซอร์จะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษา คุณหมอจะทำการวางอุปกรณ์สำหรับการทำเลเซอร์ ไว้ที่จุดที่ต้องการ จากนั้นจะทำการเลเซอร์ ระหว่างที่ทำสาวๆ จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่พอทนได้นะจ๊ะ
  3. ขั้นสุดท้าย ภายหลังการทำเลเซอร์เสร็จเรียบร้อย สาวๆ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ แต่บริเวณที่ทำเลเซอร์มาจะมีรอยแดงและอาจจะรู้สึกระคายเคือง หรือแสบๆ เหมือนถูกแดดเผาไปอีกประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังการทำ หรือสาวๆ บางรายอาจมีอาการบวมเล็กน้อย แต่จะหายไปหลัง 2-3 วัน

ข้อดี ของการทำ IPL คือ เป็นวิธีที่รักษาปัญหาผิวรวมถึงกำจัดขนที่สามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกาย และการรักษาแต่ละครั้งจะใช้เวลาน้อยกว่าวิธีอื่น นอกจากนี้ยังช่วยขจัดริ้วรอย จุดด่างดำ และกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสาวๆ รู้มั้ยว่าแสง IPL ไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก ทำให้เสี่ยงได้รับผลข้างเคียงน้อยกว่าวิธีอื่น

ข้อเสีย ของการทำ IPL อาจใข้ไม่ได้ผลกับบริเวณที่ผิวหนังไม่สม่ำเสมอ สาวๆ ที่มีผิวคล้ำหรือขนสีอ่อน รวมถึงแผลเป็นคีลอยด์ เป็นต้น อาจต้องทำการรักษาหลายครั้งถึงจะได้ผลตามต้องการ

หากสาวๆ ต้องการทำ IPL เพื่อรักษาปัญหาผิวต้องทำซ้ำประมาณ 3-6 ครั้ง แต่ถ้าสาวๆ เลือกเป็นการกำจัดขน ต้องทำซ้ำ 6-12 ครั้ง และในแต่ละครั้งสาวๆ จะต้องเว้นช่วงเวลาพักผิว ประมาณ 1 เดือน 

เลเซอร์ขนแบบไหนดี
รวมส่วนลด คลินิกเลเซอร์ขน

Q-Switch


การทำ Q-Switch คือ การลบรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ ด้วยการใข้คลื่นแสง ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผิวที่สร้างใหม่จะมีความกระจ่างใส อ่อนวัย มีความนุ่มและเรียบเนียน ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หลักการทำงานของ Q-Switch จะเป็นการปล่อยพลังงานแสงออกมาเพื่อทำให้เซลล์เม็ดสีแตกตัว หลังจากนั้นเม็ดเลือดขาวจะดูดซึม หรือย่อยสลายเม็ดสีที่ผิดปกติ และจะถูกกำจัดโดยการขับเป็นของเสียออกจากร่างกายโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ

Q-Switch Step

ก่อนการทำ คุณหมอจะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-60 นาที จากนั้นจะทำการยิงเลเซอร์ประมาณ 10-30 นาที ในระหว่างนั้นสาวๆ จะมีอาการแสบร้อนบ้างเล็กน้อย หรืออาจมีผิวแดงบ้าง หลังการทำอาจจะเป็นสะกิดเล็กน้อย หรือเป็นรอยดำในบริเวณที่ทำ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะสาวๆ รอยเหล่านั้นจะหลุดออกและหายไปหมดจดภายใน 1-2 สัปดาห์

ข้อดึ ของการทำ Q-Switch คือ เป็นการรักษาที่ได้ผลดีในบริเวณผิวที่มีฝ้า กระ ปานดำ จุดด่างดำที่บริเวณโหนกแก้ม รวมถึงรอยสักตามร่างกาย หรือลบรอยคล้ำที่บริเวณปาก ลบปานดำ รอยสิว รอยแผลเป็น และช่วยกระชับรูขุมขน โดยสาวๆ สามารถทำได้ทุกสภาพผิว แต่ไม่แนะนำให้สาวๆ ที่เป็นสิวอักเสบทำ เพราะอาจทำให้สิวลามเยอะขึ้นได้

ข้อเสีย ของการทำ Q-Switch คือ ขณะทำสาวๆ อาจจะรู้สึกเจ็บเหมือนโดนเข็มจิ้มเบาๆ แต่คุณหมอจะให้ยาชาเพื่อลดอาการเจ็บ หรือสำหรับสาวๆ บางคนอาจมีอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทำได้

การทำ Q-Switch ครั้งแรกจะได้ผลเพียง 80% แต่ถ้าสาวๆ อยากได้ผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพที่ชัดเจนต้องทำประมาณ 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรจะเว้นความห่างพักผิวประมาณ 3-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคุณหมอที่วางแผนการรักษา

IPL , Q-Switch , Diode เลือก เลเซอร์แบบไหน ดีกว่ากัน!?

Diode Laser


วิธี Diode เป็นเลเซอร์ที่มีหลากหลายความยาวคลื่น ในแต่ละความยาวก็จะใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เลเซอร์ Diode ทำงานด้วยการพุ่งเข้าไปจับเมลานินที่อยู่ในเส้นขน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เส้นขนจะที่ถูกทำลายและหลุดร่วงออกมาโดยไม่ทำร้ายผิวหนังโดยรอบ ไม่ว่าสาวๆ ผิวแบบไหนก็สามารถทำ Diode ได้ เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้ค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว และยังมีความยาวคลื่นที่ซึมผ่านผิวหนังได้ลึก และไม่ทำปฎิกิริยากับเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง

Diode Step

ในขั้นตอนแรกของการทำ Diode จะต้องทำการเล็มหรือโกนขนออกก่อน จากนั้นจะทาเจลเย็นเพื่อช่วยลดการอักเสบระคายเคือง ก่อนจะเริ่มทำเลเซอร์ทีละส่วนจนครบทุกบริเวณที่ต้องการ สาวๆ จะรู้สึกเย็นตลอดเวลา เนื่องจากที่หัวเลเซอร์จะมีระบบทำความเย็นไปพร้อมๆ กับการยิง สาวๆ จะไม่รู้สึกแสบหรือร้อน หรืออาจมีบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าทนไม่ไหวก็สามารถแจ้งผู้เชี่ยวชาญได้เลย

ข้อดี ของการทำ Diode คือ แสงสามารถผ่านผิวลงไปได้ลึก ทำให้กำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็ก และชะลอการเกิดเส้นขนใหม่ได้ดี แถมยังปลอดภัยกับทุกสภาพผิว ไม่เจ็บขณะทำ และหลังการทำ ผิวจะมีความเรียบเนียนมากขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดี

ข้อเสีย ชองการทำ Diode คือเส้นขนจะค่อยๆ หลุดร่วงไปในช่วง 1-2 สัปดาห์ภายหลังการทำเลเซอร์ หลังจากนั้นจะมีขนขึ้นมาบ้าง

การทำ Diode ควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 5-6 ครั้ง โดยแต่ละครั้งสาวๆ ควรพักเว้นระยะห่าง 1 เดือน เมื่อทำครบ 5-6 ครั้งแล้ว สาวๆ จะไม่มีขนมากวนใจอีกต่อไป แต่ก็อาจมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ในสาวๆ บางราย


ได้อ่านข้อมูลพวกนี้แล้ว พอจะช่วยให้สาวๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกันบ้างหรือเปล่าจะ เลเซอร์แบบไหน ดีกว่ากัน ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้หรือไม่มั่นใจ แนะนำให้สาวๆ เข้าคลินิคแล้วขอคำแนะนำจากคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญที่ให้การดูแลได้เลย ถ้าอยากได้โปรราคาโดนๆ ดีลดีๆ ในการจองบริการ GoWabi ก็มีมาเสริฟให้สาวๆ อีกเช่นเคย เข้าชมเว็บไซต์ที่นี่ เพื่อไปดูโปรดีๆ กันได้เลย

หากสาวๆสนใจบริการจาก คลินิกเสริมความงาม ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น บริการ ฉีดวิตามินผิว ฉีดโบท็อก ฉีดฟิลเลอร์ เลเซอร์หลุมสิว ไฮฟู่ รักษาสิว ฉีดเมโส เลเซอร์กำจัดขน บราซิลเลี่ยนแว็กซ์ แว็กซ์ขน แว็กซ์ขนขา เลือกดูโปรโมชั่นที่ GoWabi ได้เลยค่า!

อ่าน Blog ความสวยความงามเพิ่มเติม คลิก >>>>

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ผมสวยไม่โป๊ะ! 7 สีผมน้ำตาลหม่นปิดหงอกสวย ๆ ที่ต้องลอง

ผมสวยไม่โป๊ะ! 7 สีผมน้ำตาลหม่นปิดหงอกสวย ๆ ที่ต้องลอง

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังมองหาทางออกเรื่องผมหงอก แต่ยังอยากให้ลุคโดยรวมดูละมุน ดูแพง และดูไม่โป๊ะ สีโทนน้ำตาลหม่นคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์สุด ๆ ในปีนี้ เพราะไม่เพียงแต่จะปิดผมหงอกได้เนียนกริบ แต่ยังช่วยให้ใบหน้าดูซอฟต์ สุภาพ และทันสมัย โดยเฉพาะเฉด “น้ำตาลหม่นสีผมปิดหงอกสวย ๆ” ที่กำลังมาแรงทั้งในหมู่สาวทำงาน และสายบิวตี้ที่อยากดูดีแบบเป็นธรรมชาติ วันนี้พี่สาวรวมมาให้ 7 เฉดที่ต้องลอง พร้อมแนะนำแบรนด์สีย้อมผมเด็ด ๆ ให้ไปตำตามกันได้เลย

7 เฉดผมสีม่วงที่ต้องลอง! ทำแล้วรอด สวยสะกดทุกสายตา

7 เฉดผมสีม่วงที่ต้องลอง! ทำแล้วรอด สวยสะกดทุกสายตา

ถ้าเพื่อน ๆ กำลังมองหาลุคใหม่ที่ทั้งปังและยูนีคแบบไม่ซ้ำใคร “ผมสีม่วง” คือหนึ่งในตัวเลือกที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด! เพราะสีม่วงเป็นสีที่มีความหลากหลายมาก จะไปในทางสายหวานก็ได้ หรือจะเป็นลุคเท่ ๆ มีพลังน่าค้นหาก็ได้เช่นกัน แถมยังเหมาะกับโทนผิวของสาวไทยหลากหลายเฉด ไม่ว่าจะผิวขาวอมชมพู ผิวขาวเหลือง หรือผิวสองสี ก็สามารถปรับเฉดม่วงให้เข้ากันได้แบบสวยสะกดทุกสายตา วันนี้พี่สาวเลยรวบรวม 7 เฉดผมสีม่วงที่น่าลองสุด ๆ พร้อมแนะนำแบรนด์สีย้อมที่น่าใช้ให้ด้วยเลย!

ปิดหงอกเนียน ๆ ! รวม 10 สีผมปิดหงอกที่ต้องลอง

ปิดหงอกเนียน ๆ ! รวม 10 สีผมปิดหงอกที่ต้องลอง

ผมหงอกไม่ใช่ปัญหาเฉพาะของผู้สูงวัยอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันผู้หญิงวัยทำงานหลายคนเริ่มเจอผมหงอกก่อนวัยกันมากขึ้น ทั้งจากความเครียด มลภาวะ หรือกรรมพันธุ์ ซึ่งก็ทำให้หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจ จะปล่อยให้ผมหงอกแซมแบบไม่สนใจก็กลัวจะดูโทรม จะย้อมสีเข้มจัด ๆ ก็กลัวจะดูไม่เป็นธรรมชาติ วันนี้พี่สาวเลยรวมมาให้เพื่อน ๆ กับ 10 “สีผมปิดหงอก” ที่ไม่ใช่แค่ช่วยปกปิดผมหงอกได้ดี แต่ยังช่วยให้ลุคของเราดูซอฟต์ สุภาพ และกลมกลืนกับผิวคนเอเชียอีกด้วย

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.